รู้จักปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อย เทคโนโลยีเด็ด! เพิ่มคุณภาพให้พืชผล

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปุ๋ยไนโตรเจนหรือปุ๋ยยูเรียนั้น เป็นปุ๋ยที่มีความสำคัญกับการเจริญเติบโต ทำให้พืชผลต้องการในปริมาณที่สูงมาก แต่ธาตุอาหารไนโตรเจนในดิน มักมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ทำให้พี่น้องเกษตรกรจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีเพิ่ม ซึ่งมักจะถูกสภาพแวดล้อมในพื้นที่ปลูกชะล้างออกไป ก่อนที่พืชจะใช้ได้หมด ทำให้พืชผลไม่สามารถดูดซึมธาตุอาหารจากปุ๋ยเคมีมาใช้ได้อย่างเต็มที่ จนส่งผลต่อต้นทุนและคุณภาพของผลผลิต ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘ปุ๋ยควบคุมการปลอดปล่อย’ (Controlled Release Fertilizer) ที่มีความพิเศษในด้านการปล่อยธาตุอาหารได้ตามช่วงเวลาที่ต้องการขึ้นมา พี่น้องเกษตรกรท่านใดที่อยากเซฟต้นทุน เพิ่มคุณภาพของผลผลิต ห้ามพลาดทำความรู้จักกับเทคโนโลยีปุ๋ย CRF เลยนะครับ
ปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อย หรือ ปุ๋ย CRF (Controlled Release Fertilizer)
คือ เม็ดปุ๋ยที่ถูกเคลือบด้วยสารพอลิเมอร์ (Polymer Coating) ที่มีรูพรุนขนาดเล็กสามารถยืดหยุ่นได้ เพื่อปิดเปิดรับความชื้น ทำให้ธาตุอาหารในปุ๋ย สามารถละลายได้อย่างช้าๆ จึงทำให้เพียงพอกับความต้องการของพืชผลตลอดเวลา โดยอยู่ในปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณภาพให้ผลผลิตได้อีกทางหนึ่ง
ปุ๋ย CRF มีกลไกการทำงาน คือ ปริมาณการปล่อยธาตุอาหารจะถูกควบคุมโดยความชื้นในดิน และอัตราเร่งการปล่อยธาตุอาหารจะถูกควบคุมโดยอุณหภูมิภายในดิน ยกตัวอย่างเช่น อัตราการปลดปล่อยธาตุอาหารของปุ๋ยละลายในดินที่มีอุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส จะปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาได้เป็นระยะเวลาประมาณ 4 เดือน แต่ถ้าอุณหภูมิในดินประมาณ 30 องศาเซลเซียส จะทําให้การปลดปล่อยเร็วขึ้น ระยะเวลาการปลดปล่อยธาตุอาหารจะสั้นลง ทําให้ปุ๋ยปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาได้เป็นระยะเวลาประมาณ 2-2.5 เดือน
โดยปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อย จะมี 3 ระยะในการละลายธาตุอาหาร (ตามหลักการแพร่) คือ
ระยะ 1 : น้ำจะผ่านชั้นสารพอลิเมอร์เคลือบซึมเข้าสู่เม็ดปุ๋ย
ระยะ 2 : น้ำที่เข้าไปจะละลายอยู่ภายในสารเคลือบ
ระยะ 3 : เป็นระยะสุดท้าย ปุ๋ยที่ละลายจะเกิดแรงดันภายใน ทำให้เกิดการปลดปล่อยธาตุอาหารโดยการแพร่
ข้อดีของการใช้ปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อย คือ ทำให้สามารถลดการสูญเสีย จากการปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ พืชจะสามารถใช้งานได้จนหมด ไม่หลงเหลือสารตกค้างที่เกินความต้องการของพืช ซึ่งถือเป็นการดูดซึมธาตุอาหารที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งโพลิเมอร์ที่ใช้เป็นสารเคลือบก็สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทำให้เกิดปัญหาดินเค็มด้วย ที่สำคัญยังเป็นการลดต้นทุนรวมในการปลูกพืชผล ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านแรงงานและเวลาในการเพาะปลูก
อยากประหยัดเวลา แรงงานคน แถมยังช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิตแบบระยะยาว เปลี่ยนมาใช้ โดรนเกษตรรุ่นใหญ่ DJI AGRAS T30 หว่านพ่นปุ๋ย รับรองความรวดเร็วและแม่นยำ แปลงปลูกใหญ่แค่ไหนก็ดูแลได้อย่างทั่วถึง ด้วยความเร็ว 75-100 ไร่/ชม. ที่มาพร้อมความจุถังใส่น้ำยาถึง 30 ลิตร บอกเลยว่ามีโดรนเกษตรตัวนี้ตัวเดียว รับรองเอาอยู่แน่นอนครับ
– รองรับถังน้ำยาได้สูงสุด 30 ลิตร จัดเต็ม 16 หัวฉีด พร้อมปั๊มแรงดันสูงแบบใหม่ 2 ตัว ฉีดพ่นเร็ว 8 ลิตร/ นาที
– มาตรวัดปริมาณน้ำแบบใหม่ แม่นยำ พร้อมคำนวณจุดน้ำหมดและระยะทางกลับที่ใกล้ที่สุดเพื่อประหยัดแบตเตอรี่
– หัวพ่นปรับองศาได้ เหมาะสำหรับฉีดพ่นไม้ผล ละอองสเปรย์กระจายทั่วถึง แม้กระทั่งใต้ใบหรือลำต้น
– ใช้งานร่วมกับ Phantom 4 RTK เพื่อวางแผนการบินผ่านสมาร์ตโฟนได้ โดยจัดการเส้นทางการบินในรูปแบบแผนที่สามมิติ ช่วยสร้างเส้นทางการบินที่แม่นยำ
– กันน้ำกันฝุ่นได้ ในระดับ IP67 หมดกังวลกับปัญหาฝุ่นเข้าและน้ำยากัดกร่อน สามารถล้างทำความสะอาดด้วยน้ำได้โดยตรงทั้งลำ
– ดีไซน์พับเก็บได้ ลดการใช้พื้นที่ 80% มาพร้อมชุดพับแขนออกแบบใหม่ ใช้งานง่าย และปลอดภัย
– กล้อง FPV ด้านหน้า-หลัง พร้อมไฟสปอร์ตไลท์ส่องสว่าง ช่วยให้ผู้ใช้งานดูวิดีโอถ่ายทอดสด จากกล้องความละเอียดสูงผ่านหน้าจอบนรีโมตฯ ได้ทันที
– เรดาร์ทรงกลม กันชนได้รอบทิศทาง สามารถบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางให้อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้เต็มที่
– แบตเตอรี่รุ่นใหม่ ความจุ 29,000 mAh ชาร์จได้ถึง 1,000 รอบ และรองรับการชาร์จเร็วภายใน 10 นาที
– ถังหว่านเมล็ด ความจุ 35 ลิตร รองรับการใส่ปุ๋ยที่หลากหลาย และการหว่านมีความแม่นยำมากขึ้น ช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าเดิม
==============================
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลและโปรโมชั่นเพิ่มเติม ได้ที่ DJI Phantom Thailand ยินดีให้บริการครับ
Inbox: http://m.me/115022916869194
LINE: http://line.me/ti/p/~@phantomthailand
Phone: 02-026-3807
ขอบคุณข้อมูลจาก
ปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อย ด้วยนาโนเทคโนโลยี | สวก.
มิตรชาวไร่ ปีที่ 8 ฉบับที่ 4 ประจำเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 256 – หน้า 32
สินค้าที่เกี่ยวข้อง