เคล็ดลับเกษตรกรยุคใหม่
ทริกเด็ด! บำรุงข้าวให้สวยเต็มรวง ด้วยการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ
ผลผลิตของข้าวในแต่ละรอบการทำนา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ สภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ค่อนข้างยาก แต่ปัจจัยที่พี่น้องเกษตรกรสามารถจัดการและควบคุมได้อย่างเต็มที่คือการให้ปุ๋ยบำรุงต้นข้าว ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ข้าวมีเมล็ดสวย ดกเต็มรวง และให้ผลผลิตสูงได้ตามความคาดหวัง วันนี้เราจึงมีทริกดีๆ อย่างการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ มาฝากกันครับ รับรองว่าข้าวที่ได้นั้นจะให้เมล็ดเต็มรวง อัดแน่นไปด้วยคุณภาพแน่นอน
การฉีดพ่นปุ๋ย/ฮอร์โมน ทางใบ
การให้ปุ๋ยทางใบนั้น สามารถให้ได้เฉพาะปุ๋ยหรือสารอาหารที่คิดค้นมาเพื่อฉีดพ่นทางใบเท่านั้น เช่น ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยเกร็ด ฮอร์โมนบำรุงข้าว หรือน้ำหมักชีวภาพ ในกรณีของปุ๋ยเม็ดหรือปุ๋ยแข็งไม่สามารถนำมาละลายน้ำแล้วฉีดพ่นได้ทางใบได้ เนื่องจากสารอาหารที่ผสมในปุ๋ยแบบเม็ดนั้น ต้นข้าวไม่สามารถนำไปสังเคราะห์แสงได้ทันที เพราะมีเกลือเป็นสารประกอบ ซึ่งจำเป็นต้องผ่านการดูดซึมโดยรากเท่านั้น
ประโยชน์ของการฉีดพ่นปุ๋ย/ฮอร์โมนทางใบ จะช่วยเสริมสารอาหารให้กับต้นข้าว เพิ่มเติมจากที่รากดูดซึมได้ ซึ่งการฉีดพ่นโดยตรงไปที่ใบ จะทำให้อัตราการสังเคราะห์แสงเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นให้ต้นข้าวดูดน้ำได้มาก ทำให้ส่วนของรากดูดซึมสารอาหารเข้าไปในลำต้นได้มากขึ้น จึงส่งผลให้ผลผลิตเพิ่ม รวงข้าวดกตามไปด้วย
บำรุงข้าวให้สวยเต็มรวง ต้องฉีดพ่นปุ๋ยทางใบอย่างถูกวิธี
1. การฉีดพ่นปุ๋ย/ฮอร์โมนทางใบนั้น ควรทำในระยะที่ข้าวตั้งท้อง-ช่วงข้าวออกรวง เพราะเป็นช่วงที่ข้าวเริ่มสะสมอาหารเพื่อสร้างรวง จึงจำเป็นต้องได้รับอาหารที่เพียงพอและครบถ้วน
โดยควรทำการฉีดพ่นในช่วงเช้า ไม่เกิน 10.00 น. เพราะในช่วงนี้อากาศจะยังไม่ร้อนมาก พืชจะเปิดปากใบกว้างที่สุด ทำให้ต้นข้าวสังเคราะห์แสงได้ทันทีและดูดซึมได้เร็วขึ้น
ส่วนช่วงเที่ยงไปจนถึงเย็นควรหลีกเลี่ยง เพราะช่วงเที่ยง อากาศร้อนจัด ต้นข้าวจะปิดปากใบเพื่อลดการคายน้ำ ทำให้ดูดซึมได้น้อยลง และปุ๋ยที่ถูกฉีดพ่นก็จะถูกแดดเผาจนระเหยก่อนที่ต้นข้าวจะดูดซึมได้หมด
ส่วนช่วงเย็นนั้น ต้นข้าวจะคายน้ำ จึงไม่สามารถดูดซึมปุ๋ยที่เราฉีดพ่นไป นอกจากนี้ยังเป็นการดันปุ๋ยที่เราฉีดพ่นทิ้งเสียเปล่าอีกด้วย
แต่ทั้งนี้หากเป็นสารชีวภัณฑ์หรือจุลินทรีย์ ควรฉีดพ่นในช่วงเย็นหรือค่ำ เพราะจุลินทรีย์จะได้มีเวลาฟื้นตัวหรือขยายตัวตลอดทั้งคืน เพราะหากทำการฉีดพ่นตอนเช้าหรือเที่ยง จุลินทรีย์ส่วนมากจะถูกแดดเผาจนระเหยไปเป็นส่วนใหญ่
2. ควรฉีดพ่นในช่วงท้องฟ้าเปิด ไม่ครึ้มฝน เพราะถ้าเป็นช่วงที่ฟ้าปิด มีโอกาสที่ฝนจะตกนั้น จะถือเป็นช่วงที่มีความชื้นในอากาศสูงทำให้ต้นข้าวไม่ค่อยคายน้ำ ปากใบไม่เปิด ส่งผลให้การดูดซึมทั้งทางใบและรากลดน้อยลง
3. เน้นฉีดพ่นปุ๋ย/ฮอร์โมน เข้าที่ใต้ใบ เนื่องจากปากใบพืชนั้นกว่า 70% อยู่ที่ใต้ใบ จึงควรเน้นตรงจุดนี้เพื่อให้ต้นข้าวได้รับสารบำรุงอย่างเต็มที่
มองหาผู้ช่วยสุดแกร่ง ลุยได้ทุกพื้นที่นา ต้องโดรนเพื่อการเกษตร DJI AGRAS T20 ที่รองรับถังน้ำยาได้สูงสุดถึง 20 ลิตร และพ่นสเปรย์น้ำยาได้กว้าง 4-7 เมตร ทำงานด้วยฮาร์ดแวร์ทรงพลัง มีระบบ AI ทำงานร่วมกับโดรนถ่ายแผนที่ อีกทั้งยังมีเรดาร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบทิศทาง และกล้องแบบ FPV ให้ภาพคมชัดระดับ HD ทำให้ฉีดพ่นปุ๋ย/ฮอร์โมนทางใบ กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ไปเลยครับ
- ถังน้ำยา 20 ลิตร มีระบบหัวฉีดใหม่ 8 หัวฉีด และปั๊ม 4 ตัว
- ความเร็วในการฉีดพ่นที่ 4.8 ลิตร/นาที
- พ่นได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 75 ไร่/ชั่วโมง
- โปรแกรมได้ทั้งพืชไร่ และ พืชสวน
- เหมาะสำหรับรับจ้างทำการเกษตรแปลงใหญ่
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ DJI Phantom Thailand ยินดีให้บริการครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
วิธีฉีดพ่นฮอร์โมนและปุ๋ยน้ำทางใบให้ถูกวิธี
การให้ปุ๋ยหรือสารอาหารกับพืชทางใบ พืชเอาไปใช้ได้จริงหรือไม่ เร็วแค่ไหน มีคำตอบ