เคล็ดลับเกษตรกรยุคใหม่
สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้หมุนเวียน ด้วยการปลูกกาแฟในสวนยางพารา
พี่น้องเกษตรกรท่านไหนที่กำลังมองหาแนวทางเพิ่มมูลค่าในพื้นที่ปลูกต้นยางของตัวเอง ห้ามพลาดบทความนี้เลยครับ เพราะเราจะมาแนะนำวิธีการปลูกกาแฟโรบัสต้าในสวนยางพารา ซึ่งเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ราคายางตกต่ำ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้ ให้มีหมุนเวียนเข้ามาตลอดทั้งปีด้วยนะครับ
จากการวิจัยและศึกษาพืชพันธุ์ทางการเกษตร พบว่ากาแฟโรบัสต้าถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่สามารถปลูกแบบเกษตรผสมผสานร่วมกับการปลูกต้นยางพาราได้ เพราะกาแฟเป็นพืชที่ชอบอยู่ใต้ร่มเงา ไม่ชอบแดดจัดจึงเหมาะอย่างยิ่งในการนำมาปลูกในสวนยาง ที่มีลำต้นสูงใหญ่ มีใบแผ่ออกมาปกคลุมสร้างร่มเงาให้แก่ต้นกาแฟ ที่สำคัญถือเป็นการลงทุนปลูกที่ความเสี่ยงต่ำ เพราะเมล็ดกาแฟนั่นให้ราคาค่อนข้างดีและมีกำลังซื้อสูง
โดยกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้านั้น ถือเป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรมกาแฟ เนื่องจากรสชาติที่เข้มข้น มีกลิ่นหอม และมีลักษณะลำต้นสูงใหญ่แข็งแรงทนทาน จึงทำให้มีการปลูกกันอย่างกว้างขวาง
ซึ่งกาแฟสายพันธุ์นี้ สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่และสภาพอากาศของภาคใต้ โดยควรใช้ต้นพันธุ์โรบัสต้าที่มีอายุประมาณ 8-9 เดือน ปลูกระหว่างกลางร่องยาง เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลทั้งในช่วงเก็บเมล็ดกาแฟและในช่วงกรีดยาง ทั้งนี้สามารถเริ่มปลูกต้นกาแฟได้ เมื่อต้นยางพาราอายุประมาณ 3-4 ปี เพราะสามารถให้ร่มเงาแก่ต้นกาแฟได้แล้ว
แนวทางการปลูกต้นกาแฟพันธุ์โรบัสต้าในสวนยาง
1. วัดพื้นที่ให้ห่างจากต้นยาง ประมาณ 1.5 เมตร แบ่งปลูกต้นกาแฟแบบ 2 แถว โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นกาแฟประมาณ 1.5 เมตร ในช่วงที่มีการเริ่มปลูกควรใส่ปุ๋ยรองหลุมเพิ่ม ประมาณ 200 กรัมต่อหลุม
2. ขุดหลุมลึกประมาณฝ่ามือ นำต้นกล้าพันธุ์โรบัสต้าที่เตรียมไว้ลงปลูกในดิน กลบดินให้แน่นพอประมาณ
3. การให้น้ำควรให้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ สำหรับกาแฟปลูกใหม่ หากภายในช่วง 1-2 สัปดาห์ไม่มีฝนตก ต้องให้น้ำเพิ่มเอง แนะนำให้มีการคลุมโคนต้นเพื่อเก็บรักษาความชุ่มชื้นในดิน ลดการพึ่งพาระบบชลประทาน
การดูแลต้นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า
– 1- 2 ปีแรก : ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ผสมสูตร 46-0-0 แบ่งใส่ 2 ครั้ง ช่วงต้นฤดูฝนและกลางฤดูฝน
– ปีที่ 3 ขึ้นไป : ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-17 แบ่งใส่ 2 ครั้ง หลังจากดอกบาน ครบอายุ 3 เดือนและ 6 เดือน
สำหรับต้นฤดูฝน ควรเสริมด้วยปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดีแล้ว เพื่อปรับสภาพดินให้ร่วนซุย
– ควรตัดแต่งกิ่งเพื่อช่วยให้ต้นกาแฟสามารถเจริญเติบโตได้ดี และให้ทรงพุ่มที่สวยงามแข็งแรง มีผลผลิตสูงสม่ำเสมอ โดยพยายามอย่าให้กาแฟมีลำต้นหลักเกิน 3 ลำต้น เมื่อต้นกาแฟให้จำนวนผลผลิตลดลง ต้องปล่อยให้มีการแตกยอดออกมาใหม่ 1 ยอดจากโคนของกิ่งแขนงที่ 1 ที่อยู่สูงสุดหรือถัดลงมา และเมื่อยอดสูงไปถึงระยะความสูง 170 เซนติเมตร ควรตัดให้เหลือเพียง 150 เซนติเมตร โดยตัดกิ่งแขนงที่ 1 ที่อยู่สูงสุดให้เหลือเพียง 1 กิ่ง ซึ่งจะสามารถให้ผลผลิตต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 8 ถึง 10 ปี
การเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า
กาแฟจะเริ่มติดดอกออกผล หลังจากปลูกไปแล้วประมาณปีที่ 3 และผลกาแฟจะเริ่มสุกประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นกาแฟ และสภาพพื้นที่ปลูก โดยผลกาแฟในแต่ละช่อจะสุกไม่พร้อมกัน ในการเก็บผลกาแฟให้เลือกเก็บเฉพาะผลที่สุกแก่ มีสีแดงเท่านั้น ไม่ควรเก็บผลกาแฟที่ยังอ่อนซึ่งมีสีเขียว และไม่ควรใช้วิธีรูดทั้งกิ่ง เพราะจะทำให้ได้สารกาแฟคุณภาพต่ำ และผลกาแฟที่แก่จัดเกินไป (มีสีแดงเข้ม) หรือผลที่แห้งคาต้น ควรเก็บแยกไว้จากผลกาแฟที่เก็บได้ในแต่ละครั้ง เพื่อเป็นการคัดแยกคุณภาพ จากนั้นให้นำผลกาแฟทั้งหมดออกตากแดดโดยเร็วที่สุด
มองหาตัวช่วยเพื่อลดแรงงานคน เพิ่มความปลอดภัยในการฉีดพ่นปุ๋ย DJI Phantom Thailand ขอแนะนำ! โดรนเกษตรรุ่นใหญ่ DJI AGRAS T30 บำรุงพืชพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด! ทั้งสวนยางพาราและสวนกาแฟ เพราะโดรนของเรามีความแม่นยำสูง รับรองว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้ปุ๋ยได้อย่างแน่นอนครับ!
– รองรับถังน้ำยาได้สูงสุด 30 ลิตร จัดเต็ม 16 หัวฉีด พร้อมปั๊มแรงดันสูงแบบใหม่ 2 ตัว ฉีดพ่นเร็ว 8 ลิตร/ นาที
– มาตรวัดปริมาณน้ำแบบใหม่ แม่นยำ พร้อมคำนวณจุดน้ำหมดและระยะทางกลับที่ใกล้ที่สุดเพื่อประหยัดแบตเตอรี่
– หัวพ่นปรับองศาได้ เหมาะสำหรับฉีดพ่นไม้ผล ละอองสเปรย์กระจายทั่วถึง แม้กระทั่งใต้ใบหรือลำต้น
– ใช้งานร่วมกับ Phantom 4 RTK เพื่อวางแผนการบินผ่านสมาร์ตโฟนได้ โดยจัดการเส้นทางการบินในรูปแบบแผนที่สามมิติ ช่วยสร้างเส้นทางการบินที่แม่นยำ
– กันน้ำกันฝุ่นได้ ในระดับ IP67 หมดกังวลกับปัญหาฝุ่นเข้าและน้ำยากัดกร่อน สามารถล้างทำความสะอาดด้วยน้ำได้โดยตรงทั้งลำ
– ดีไซน์พับเก็บได้ ลดการใช้พื้นที่ 80% มาพร้อมชุดพับแขนออกแบบใหม่ ใช้งานง่าย และปลอดภัย
– กล้อง FPV ด้านหน้า-หลัง พร้อมไฟสปอร์ตไลท์ส่องสว่าง ช่วยให้ผู้ใช้งานดูวิดีโอถ่ายทอดสด จากกล้องความละเอียดสูงผ่านหน้าจอบนรีโมตฯ ได้ทันที
– เรดาร์ทรงกลม กันชนได้รอบทิศทาง สามารถบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางให้อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้เต็มที่
– แบตเตอรี่รุ่นใหม่ ความจุ 29,000 mAh ชาร์จได้ถึง 1,000 รอบ และรองรับการชาร์จเร็วภายใน 10 นาที
– ถังหว่านเมล็ด ความจุ 35 ลิตร รองรับการใส่ปุ๋ยที่หลากหลาย และการหว่านมีความแม่นยำมากขึ้น ช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าเดิม
==============================
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลและโปรโมชั่นเพิ่มเติม ได้ที่ DJI Phantom Thailand ยินดีให้บริการครับ
Inbox: http://m.me/115022916869194
LINE: http://line.me/ti/p/[email protected]
Phone: 02-026-3807
ขอบคุณข้อมูลจาก