
เกี่ยวกับการใช้งานโดรนเกษตร
เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่จะช่วยลดระยะเวลาการทำงานจากแบบแผนเกษตรเดิมๆ ถือเป็นเครื่องทุ่นแรงที่เกษตรกรยุคใหม่หันมาใช้กันเป็นจำนวนมาก เพราะทั้งทำงานได้รวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดต้นทุน และช่วยเพิ่มผลผลิตได้นั่นเอง
โดรนเกษตรมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
1.โดรนสำรวจพื้นที่
ออกแบบมาเพื่อสำรวจความสมบูรณ์ของพืช วัชพืช แมลง รวมถึงสภาพที่ดิน เพื่อนำไปเป็นข้อมูลวิเคราะห์การดูแลพืช ลดการสูญเสียของพืชในไร่ เช่นรุ่น DJI Mavic 3 Multispectral
2.โดรนฉีดพ่น
ออกแบบมาเพื่อพ่นน้ำยาสารเคมี กำจัดวัชพืช หว่านปุ๋ย หว่านเมล็ด ทำงานไว ฉีดพ่นได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ในไร่ เช่นรุ่น DJI AGRAS T10, T20P, T30, T40
-วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
นอกจากบินพ่นในไร่ตัวเองแล้ว เกษตรกรสามารถนำไปรับจ้างฉีดพ่นในไร่ได้ด้วย ดังนั้นจึงควรดูจุดประสงค์การนำไปใช้งานเป็นหลักก่อน หากต้องการนำไปรับจ้างฉีดพ่นด้วย แนะนำเช็กราคาจ้างพ่นแต่ละพื้นที่ก่อน เพื่อให้ตัดสินใจได้ว่า จ้างคนพ่น หรือ ซื้อโดรนมาฉีดพ่นเอง แบบไหนคุ้มกว่ากัน ถ้าพื้นที่ไร่ไม่ใหญ่มาก ก็สามารถจ้างได้เพราะคุ้มกว่า แต่ถ้าพื้นที่ในไร่กว้างมาก เป็นที่ราบสูง การเลือกซื้อโดรนเกษตรจะคุ้มค่ากว่า เมื่อเทียบกับการจ้างแรงงานคน
-เลือกให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่
ต่อจากวัตถุประสงค์การใช้งาน ก็ให้ดูที่ลักษณะของพื้นที่ หากมีพื้นที่ไร่เป็นจำนวนมาก การซื้อโดรนมาใช้เองจะคุ้มกว่า ส่วนในการเลือกความจุนั้น ให้เลือกโดรนเพื่อการเกษตรให้เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ของตนเองก็พอ ส่วนในกรณีที่ต้องการนำไปรับจ้างฉีดพ่นยา เมื่อพิจารณาจนรู้แล้วว่า ราคารับจ้าง ลักษณะการแข่งขันในพื้นที่นั้น รับงานแล้วได้ราคาค่อนข้างสูง สามารถคืนทุนได้ไว ก็อาจพิจารณาโดรนที่มีขนาดถังความจุใหญ่ แบตเตอรี่อึดมาใช้งาน ก็จะใช้งานได้คุ้มค่า และยาวนานกว่า นอกจากนี้ยังสามารถรับงานได้วันละหลายงาน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถสร้างกำไรได้รวดเร็วมากขึ้น
-ราคาของโดรน
ราคาของโดรน จะสูงหรือต่ำ ขึ้นอยู่กับขนาดถัง ระบบเซนเซอร์ และแบตเตอรี่ ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ปัจจัยเหล่านี้ จะส่งผลต่อราคาของโดรนทั้งหมด ซึ่งด้วยความที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่หลักหลักแสน การพิจารณาเลือกซื้อ นอกจากคำนึงถึงเงินในกระเป๋าแล้ว ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยสองอย่างแรกที่กล่าวมา นั่นคือ วัตถุประสงค์ในการใช้งาน และการเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่
ปัจจุบันตามท้องตลาดมีโดรนเกษตรหลายแบรนด์ การเลือกซื้อโดรนเกษตรนั้นจึงควรเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานระดับสากล ในที่นี้แฟนธอมจึงขอแนะนำ โดรนเกษตรจาก DJI แบรนด์ผู้นำโดรนที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งมีจุดเด่นดังนี้
-ตอบโจทย์การใช้งานทุกประเภท
DJI มีสินค้าให้เลือกมากมายหลายประเภท ทั้งโดรนถ่ายภาพทั่วไป อุปกรณ์กิมบอล ไปจนถึงโดรนระดับองค์กร และแน่นอนว่ารวมถึงโดรนเกษตรด้วย
-ความเข้าถึงง่าย
แม้จะไม่เคยใช้งานมาก่อน แต่สินค้า DJI ก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ทั้งเรื่องดีไซน์และฟังก์ชัน หมดปัญหาซื้อมาแล้วใช้ไม่เป็นแน่นอน
-เทคโนโลยีขั้นสูง
สินค้า DJI มักมาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน พูดง่ายๆ ว่าบังคับแค่คลิกเดียว ก็สามารถใช้งานได้แบบมืออาชีพ
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หากพูดถึงโดรนแล้ว ยังไงชื่อของ DJI ก็ต้องโผล่ขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแฟนธอมโดรนเกษตร เราเป็นผู้จัดจำหน่าย โดรนเกษตร DJI อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพสินค้า และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม!
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อย หลายคนอาจสงสัยว่าโดรนทั้ง 2 แบบนี้แตกต่างกันไหม?
คำตอบคือ ไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละแบบ ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
โดรนเกษตร เป็นโดรนที่ออกแบบมาสำหรับใช้เพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ ทำให้มีซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เพิ่มขึ้นมา เช่น มีกำลังไฟสูงขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับน้ำหนักได้มากและติดตั้งถังน้ำได้ หรือมีสายฉีดพ่นสเปรย์ ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นตาม
ส่วนโดรนถ่ายภาพ จะเน้นเรื่องความคล่องตัว ไซซ์กะทัดรัด พกสะดวก คุณภาพกล้องขั้นสูง และฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยให้บินถ่ายช็อตสวยง่ายๆ แต่ได้ผลงานแบบมืออาชีพ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
ดังนั้น ถ้าเกิดนำมาใช้ร่วมกัน เช่น เอาโดรนเกษตรไปบินถ่ายภาพ คงเป็นไปได้ยาก แนะนำเลือกโดรนให้ตรงกับการใช้งานจะดีที่สุด